A1 Blog

การตัดด้วยเลเซอร์คืออะไร ?

Test for blog pagination.

Table of Content

การตัดด้วยเลเซอร์คืออะไร ?

หลักการของการตัดด้วยเลเซอร์

การตัดด้วยเลเซอร์เป็นวิธีการตัดงานแบบโดยที่หัวเลเซอร์ไม่สัมผัสกับหน้าวัสดุ ใช้ลำแสงเลเซอร์ที่สูงเพื่อตัดวัสดุ สามารถปรับความเร็ว และพลังของแสงเลเซอร์ให้เหมาะสมกับวัสดุ และความหนาที่ต่างกัน เพื่อให้ได้ผลการตัดที่ดี และหลีกเลี่ยงวัสดุที่จะไหม้ได้

คุณลักษณะของการตัดด้วยเลเซอร์

การตัดด้วยเลเซอร์มีความแม่นยำ และมีผลการตัดที่ดี 1.ลำแสงเลเซอร์มีขนาด 0.1-05 มม. ซึ่งมีขนาดเล็ก ดังนั้นจึงสามารถตัดงานที่มีความละเอียด และมุมที่คมชัด. สามารถจัดวางไฟล์ได้ชิด ซึ่งทำให้ประหยัดวัสดุ 2.การตัดเลเซอร์มีความแม่นยำสูง ±0.05 มม. ดังนั้นจึงมีความเสียหายน้อยลง

การประยุกต์ใช้งานเครื่องตัดเลเซอร์

การตัดเลเซอร์สามารถนำมาใช้กับอุตสาหกรรมหลายประเภท อุตสาหกรรมโฆษณา ใช้ทำงานป้าย, ป้ายโฆษณา และชั้นวางสินค้า อุตสาหกรรมการพิมพ์ สามารถนำมาใช้กับการตัดกระดาษแข็ง, หนังสือ และบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมการแพทย์ สามารถนำมาใช้กับเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรมงานสถาปัตยกรรม สามารถนำมาใช้สำหรับการตกแต่งภายใน-ภายนอก และการสร้างโมเดล อุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย สามารถตัดผ้า และหนัง อุตสาหกรรมดิจิทัล สามารถตัดชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ สามารถตัดชิ้นส่วนของรถยนต์

เลเซอร์ชนิดต่าง ๆ

เลเซอร์ CO2

เลเซอร์ CO2 เป็นเลเซอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากที่สุด. แสงเลเซอร์มีความถี่ 10,640nm ซึ่งวัสดุอโลหะจะดูดซับแสงเลเซอร์ได้ดีเหมาะกับการตัดงานประเภทอโลหะ เช่น อะคริลิก, ไม้, หนัง, กระดาษแข็ง, ยาง และวัสดุอโลหะอื่น ๆ

ไฟเบอร์ เลเซอร์

ไฟเบอร์ เลเซอร์ เหมาะสำหรับการตัดวัสดุโลหะ. แสงเลเซอร์มีความถี่ 1,064nm ซึ่งง่ายต่อการดูดซับแสงเลเซอร์ได้ดี สามารถตัดเหล็ก, อลูมิเนียม, ทองเหลือง และโลหะอื่น ๆ.

ข้อเปรียบเทียบกับวิธีการตัดแบบอื่น ๆ

เปรียบเทียบกับการตัด Plasma

การตัดแบบ Plasma มักจะใช้สำหรับการตัดโลหะหนา พื้นผิวหน้าตัดมีความตั้งฉากน้อยกว่าการตัดด้วยเลเซอร์, มีความเอียงประมาณ 0.5- 1.5 องศา. พื้นผิวชิ้นงานจะหยาบ จึงต้องมีการขัดชิ้นงาน. ในระหว่างขั้นตอนการตัดงาน จะใช้วัสดุมาก และทำให้เกิดเศษวัสดุเหลือมาก. การตัดด้วยเลเซอร์นั้น แสงเลเซอร์มีขนาดเล็ก และความคลาดเคลื่อน 0.05 mm. พื้นผิวงานมีความเรียบ และตรง.

เปรียบเทียบกับการตัดด้วย Water Jet (พลังน้ำแรงดันสูง)

การตัดแบบ Water Jet นั้น ตัดได้ทั้งวัสดุโลหะ และอโลหะ. การตัดแบบนี้ทำให้เกิดเสี้ยน และพื้นผิวหน้าตัดไม่ได้ฉาก. มีความเร็วกว่าการตัดด้วยเลเซอร์ ซึ่งเหมาะสำหรับการตัดงานที่มีจำนวนเยอะ, แต่มีรูรับแสงอยู่ที่ 0.8- 1.2 มม. ทำให้มีความคลาดเคลื่อนมากซึ่งไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง.

ข้อเปรียบเทียบกับการตัด CNC

การตัด CNC เป็นการตัดที่ใช้ใบมีด ร่องชิ้นงานในการตัดใหญ่กว่าการตัดด้วยเลเซอร์ เมื่อตัดตรงมุม มุมจะโค้งมน ซึ่งไม่เหมือนกับการตัดเลเซอร์ที่มุมจะคมกว่า. ดังนั้น การตัด CNC ไม่สามารถตัดงานที่มีรายละเอียดขนาดเล็ก เพราะมีข้อจำกัดเรื่องใบมีด ซึ่งแตกต่างจากการตัดด้วยเลเซอร์, การตัด CNC จะไม่ทิ้งรอยไหม้ แต่จะมีเศษวัสดุ. พื้นผิวงานจะเป็นสีขาวด้าน จึงต้องมีการขัดเงา. การตัดด้วย CNC และเลเซอร์ สามารถตัดวัสดุที่คล้ายกันได้ แต่การตัดด้วย CNC จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นเวลาตัดงาน ส่วนมากจะตัดด้วยเลเซอร์เป็นหลักมากกว่า.

ข้อเปรียบเทียบกับการได-คัท

การได-คัท เหมาะสำหรับโลหะ. การได-คัท นั้นต้องทำแม่พิมพ์, แล้วจึงตัดวัสดุผ่านแม่พิมพ์ เหมาะสำหรับงานที่มีจำนวนมาก ซึ่งเร็วกว่าการตัดด้วยเลเซอร์ และมักจะใช้สำหรับการผลิตสินค้าที่เรียบง่าย และต้องการปริมาณมาก.

การทำงานของ A1 Workshop

  1. A1 Workshop มีความเชี่ยวชาญในการตัดเลเซอร์ระดับมืออาชีพ. สามารถตัดวัสดุโลหะ และอโลหะ. มีความถูกต้องแม่นยำ, รวดเร็ว และมีความคลาดเคลื่อนน้อย. พื้นผิวชิ้นงานมีความเรียบ และได้ฉาก รวมทั้งยังสามารถตัดอะคริลิก หนา 30 ได้. สามารถนำไปประยุกต์ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ การตัดด้วยเลเซอร์สามารถตัดงานได้ตามแบบ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น.

  2. เรามีประสบการณ์ในการตัดเลเซอร์ในประเทศไทยมากกว่า 20 ปี. ผลิตภัณฑ์ที่เราทำได้มี ฝาครอบอะคริลิก, แผ่นสำหรับติดหน้าแผงควบคุม, ป้าย, ชั้นวางสินค้า, กล่องอะคริลิก, โล่รางวัล, ชั้นวางอะคริลิก และอื่น ๆ.

  3. A1 Workshop มีอุปกรณ์การวัดของ Eisen และ Mitutoyo.